วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) วายร้ายที่เลี่ยงได้เพื่อสุขภาพของตัวคุณเอง


ในยุคสมัยที่เศรษฐกิจฟืดเคืองอย่างนี้ ผู้คนต่างตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันแบบไม่ลืมหูลืมตาเพื่อปากท้องของครอบครัว หายใจเข้าออกเป็นเรื่องานไปซะหมด จนลืมหันมามองดูสุขภาพของตนเองรู้ตัวอีกทีก็ร้อง โอ๊ยเจ็บตรงนั้น ปวดตรงนี้ จนโรคต่างๆรุมประดากันเข้ามาไม่ขาดสายได้เวลา "หยุด" หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันบ้างเถอะครับก่อนจะสายเกินไป อย่างน้อยก็เพื่อตัวคุณเองแล้วก็คนที่คุณรักก็จะได้สบายใจไปด้วยไงล่ะครับ


มาดูข้อมูลคร่าวๆกันก่อน (^_^)

มีรายงานหลายแห่งเผยว่า คนทำงาน (มนุษย์เงินเดือน) 1 ใน 5 เป็นโรค "ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ส่วนใหญ่จะมีอาการปวดหลัง ปวดเอว ปวดต้นคอขั้นเรื้อรัง ปัจจุบันอาการปวดเรื้อรังเป็นปัญหาอันดับต้นๆของโลก ผลจากการวิจัยล่าสุดพบว่าประชากรในวัยทำงานทุกๆ 1 ใน 5 คนจะมีอาหารปวดเรื้อรัง และแน่นอนคับอันดับหนึ่งก็คงจะหนีไม่พ้นผู้คนในสังคมเมืองที่มีวิถึชีวิตที่เร่งรีบต้องแข่งขันกันและมีสภาวะตึงเครียดสูง ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งส่งไปถึงสภาวะทางเศรษฐกิจด้วย

จากข้อมูลของมูลนิธิความปวดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา เผยว่า อาการปวดเรื้อรังก่อให้เกิดความสูญเสียโดยรวมแล้วปีละประมาณ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3.5 ล้านล้านบาทไทย (โอ้ววว) ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายทางการแพทย์และการหยุดงาน และค่าชดเชยสำหรับคนตกงานอีกด้วย ที่สำคัญ สมาคมศึกษาเรื่องความปวดแห่งประเทศไทย เตือนว่า หากมีอาการปวดมานานกว่า 3 เดือน จัดให้อยู่ในประเภทปวดเรื้อรัง ซึ่งสามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัย โดยแยกได้ 2 กลุ่มดังนี้

1. การปวดจากการอักเศบ ที่พบบ่ายในโรคข้อต่อ ได้แก่ ข้อเสื่อม พบมากในคนอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยพบในผู้ชาย 9.6% ผู้หญิง 18%

2. กลุ่มคนอายุน้อย และ ในวัยทำงาน



ตามหลัการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนตะวันออก อาการปวดนั้นเกิดจาก "เลือดและลม" เดินไม่ได้หรือเดินไม่สะดวกเป็นส่วนใหญ่เพราะร่างกายของคนเรานั้นเต็มไปด้วยท่อทางเดินระบบต่างๆมากมาย ทั้งท่อลม ท่อน้ำเหลือง ท่อประสาท (เส้นประสาท) หากระบบเหล่านี้มีการอุดตันหรือไหลเวียนไม่ปกติ ย่อมก่อให้เกิดปัญหาต่อระบบต่างๆของร่างกายทุกส่วน ลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพดูกันอย่างเช่น หากบอกเกิดอาหารปวดหลัง ปวดต้นคอมากเพราะนั่งทำงานหนักเกินไปทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ หรือนั่งผิดท่าจนกระดูกกดทับเส้นประสาทละก็ ถ้าอย่างนั้นลองนึกภาพคนที่เค้าทำงานใช้แรงงานกันหนักๆเค้ามิปวดอักเสบ ทรมานกันแย่หรอ? เห็นดังนี้แล้วคุณๆคงต้องปรับเปลี่ยนพฤตติกรรมประจำวันซะใหม่ อย่างเช่น ไม่ใส่รองเท้าส้นสูง ไม่นั่งขลุกทำงานเป็นเวลานานๆ นั่งหลังโค้งงอจ้องคอมพิวเตอร์นานๆโดยไม่หยุดพักสายตายืดเส้นยืดสาย มิฉะนั้นหากเจ็บปวยเรื้อรังขึ้นมาจะไปโทษใครที่ไหนก็ไม่ได้ เพราะคุณทำตัวคุณเอง


ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมซะใหม่ สุขภาพดีสร้างได้ด้วยตัวคุณเอง

"น้ำ" เป็นสิ่งสำคัญที่ก่อให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง เพราะคนส่วนใหญ่ยังดื่มน้ำกันอย่างผิดๆ ดื่มน้อยไป ดื่มมากเกินควร โดยเฉพาะพวกน้ำเย็นจัดๆทั้งหลาย น้ำอัดลม น้ำหวาน ชา กาแฟ หลายคนชอบดื่มน้ำเย็นๆช่วงทานอาหารไปด้วย ดื่มไปทานไป บางคนบอกว่าดื่มน้ำนิดเดียว แต่ซดน้ำซุป น้ำแกงตามเป็นถ้วยๆ แถมด้วยพวกผลไม้ที่มีน้ำอยู่ในตัวมาก เช่น ส้ม สาลี่ แตงโม มะละกอ ตบท้ายอาหารอีกพฤติกรรมเหล่านี้แหละครับสามารถก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ได้ เพราะน้ำที่ดื่มเข้าไปมากๆนั้นจะไปละลายน้ำย่อย น้ำดีในกระเพราะอาหารให้เจือจางลง ทำให้ระบบการย่อยอาหารนั้นทำงานได้ไม่เต็นที่ ก่อให้เกิดการหมักหมมในกระเพราะอาหารและลำใส้ เกิดแก๊สสารพิษแทรกซึมไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย โดยเฉพาะแผ่นหลัง เส้นประสาทกระดูกสันหลัง แก๊สและสารพิษจะไปกดทับเส้นเลือด เส้นประสาท ทำให้ระบบไหลเวียนต่างๆถูกกดทับ ตีบตัน ไหลเวียได้ไม่สะดวก ก่อให้เกิดอาการปวดหลัง ไม่ใช่มีสาเหตุจากเรื่องกระดูกทับเส้น หรือ อักเสบแต่อย่างใด

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปการเข้าสังคมมากขึ้นคนทำงานก็จำต้องเปลี่ยนพฤติกรรมตามสมัย นั่งทำงานงกๆทั้งวัน ไหนจะเรื่องเพื่อนร่วมงาน หรือเจ้านาย เคลียดจนไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหนคงได้แต่สวดมนต์ขอพรอยู่ในใจ เลิกงานเจอปัญหารถติดอีก โอ้ย!! จะบ้าตายบางคนหลังเลิกงานก็มีออกกำลังกาย ฟิตเนสต่อ บางก็สังสรรเข้าสังคม กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน ตีหนึ่ง กว่าจะอาบน้ำนอนได้ก็เกือบๆตีสอง การนอนดึกมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งครับ เพราะเมื่อคุณนอนดึกน้ำดี น้ำย่อยที่อยู่ในถงน้ำดีก็จะแห้ง ดังนั้นอาหารที่ทานมาช่วงหัวค่ำก็จะไม่ย่อย เอาหละคับทีนี้งานเข้า!! นอกจากนี้การนอนดึกยังก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆอีกมากมายเลยทีเดียว


"คนเราใช้เวลาในการนอนถึงหนึ่งในสามของช่วงชีวิต"

ดังนั้นเราควรจะรักษาช่วงเวลาการนอนนี้ให้เป็นปกติสุขตามธรรมชาติให้ดีที่สุด ตามปกติเวลากลางคืนร่างกายคนเราจะสร้างฮอร์โมนขึ้นมาเพื่อช่วยในการนอนหลับ เพราะช่วงเวลากลางคืนจะเป็นเวลาที่ร่างกายคนเราจะปรับตัวซ่อมแซมส่วนที่สึกหลอ สร้างเนื้อเยื่อ สร้างเซลล์สมอง ดังนั้นหากเราไม่นอนหลับสุขภาพคงทรุดโทรมอย่างไม่ต้องสงสัย


การสังเกตอาการ"กระเพาะ"

เราสามารถสังเกตอาการผิดปกติของกระเพาะอาหารได้ง่ายๆด้วยตนเองครับ คือ ให้สังเกตว่าเราท้องอืด อาหารไม่ย่อย มีลมเรอหรือผายลมบ่อยรึเปล่า ตึงต้นคอ หลังหรือไม่ กดนวดแล้วลมเรอออกหรือไม่ กลืนอาหารไม่ค่อยลงเหมือนมีอะไรมาจุกคอไว้หรือเปล่า ถ้าเกิดมีอาหารดังกล่าวแสดงว่า กระเพาะอาหารของท่านเริ่มย่อยอาหารไม่ดีแล้วหละครับ ให้รีบแก้ไขโดยด่วนเลยคับ โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดังที่กล่าวไว้ข้างต้นนั่งเองครับ


อ่านมาถึงจุดนี้หวังว่าทุกท่านคงเริ่มคิดที่จะปรับพฤติกรรมประจำวันของตนเองกันแล้วใช่ไหวคับ (เป็นห่วงๆ) ในเมื่อเริ่มเห็นทางออกที่ทุกท่านรู้อยู่แล้วลึกๆในใจแล้วหละก็ อย่ารีรอ ชักช้า คิดแล้วเริ่มทำกันเลยดีกว่าครับ เริ่มจากวิธีการดื่มน้ำก่อนก็ยังดี (เนอะๆ เป็นห่วงจริง จริ๊งง) แล้วอย่าลืมนะครับ "สุขภาพดีสร้างได้ด้วยตัวท่านเอง" อ้อ!! ดูแลตัวเองแล้วอย่าลืมดูแลคนข้างๆที่คุณรักและรักคุณด้วยนะครับ

"คนไทยต้องรักกันเข้าไว้ โดยเริ่มจากคนใกล้ตัวดีที่สุด"

สมควรแก่เวลา เอาไว้ผมมีเรื่องดีๆอีกรับรองว่าจะนำมาฝากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านอีกแน่นอนครับ ลาหละครับ ขอบคุณคร้าบบบบบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น